ในมหาลัย

โครงการชีวะสัญจร^^

ูไปเที่ยวร้อยเอ็ด^^

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เตือน วางโน๊ตบุ๊คบนตักเสี่ยงมะเร็ง

ปัจจุบัน แล็ปท็อป หรือ โน๊ตบุ๊ค กลายเป็นอุปกรณ์สุดไฮเทค ที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่นหรือหนุ่มสาววัยทำงานหลายคนไปซะแล้ว นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับเรา ๆ ไปซะทุกด้าน และโน๊ตบุ๊คก็ดูเหมือนจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่แสนฮิตฮอตซะเหลือเกิน เพราะมันสามารถพกพาไปไหนได้สบาย
และด้วยความสะดวกสบาย พกพาง่ายของมันนี่แหละ ทำให้เจ้าโน๊ตบุ๊คสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้จะไม่มีโต๊ะให้วาง ก็วางบนตักของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ พอ ๆ กับที่มันก็ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ อีกเช่นกัน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเล่นโน๊ตบุ๊คบนตักนั้น ทำให้คนเจ็บป่วยกับมันได้จริง ๆ เหมือนกับกรณีของเด็กชายวัย 12 ปีชาวอเมริกัน ที่ติดนิสัยชอบเล่นโน๊ตบุ๊คไว้บนตัก แล้วอยู่กับมันวันละ 2-3 ชั่วโมง ปรากฏว่า 2 เดือนให้หลัง ผิวของเด็กก็ไหม้และด่างโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้โน๊ตบุ๊คอีกกว่า 10 ราย รายงานเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ว่าความร้อนจากโน๊ตบุ๊ค ทำให้ผิวไหม้และทำให้ผิวด่างเช่นเดียวกันกับกรณีดังกล่าว ขณะที่ทางทีมแพทย์เชื่อว่า คงจะมีผู้ที่ได้รับอันตรายจากความร้อนใต้โน๊ตบุ๊คมากกว่านั้นอย่างแน่นอน
งานนี้ บรรดาแพทย์ชาวอเมริกันก็เลยออกมาเตือนว่า ความร้อนที่ระบายออกมาบริเวณใต้โน๊ตบุ๊คนั้น ทำให้ผิวไหม้และหากติดนิสัยเล่นโน๊ตบุ๊คบนตักนาน ๆ ก็จะทำให้เป็นมะเร็งบริเวณหัวเข่าหรือต้นขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ที่หลายคนชอบเอาโน๊ตบุ๊ควางบนตักซะเหลือเกิน เพราะมันทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่ชอบวางโน๊ตบุ๊คไว้บนตัก เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเสียตั้งแต่บัดนี้ ขณะที่ทางด้านบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่างแอปเปิ้ล และเดลล์ ก็เคยเตือนผู้ใช้ว่าอย่าวางโน๊ตบุ๊คไว้บนตักเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพียงแค่อยากให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงอันตรายระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้ในอนาคต

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนาวสุดรอบ 30 ปี กทม. แค่ 16 องศา

กรมอุตุฯ ประกาศฤดูหนาวปีนี้จะมีอากาศเย็นขึ้นหลายองศา คาดอุณหภูมิต่ำสุดทุบสถิติปี 52 ทั่วประเทศ ส่วนกรุงเทพฯ จะมีอุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา ขณะเดียวกันผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนสูงขึ้นกว่าปกติ พร้อมเตือนรับมือพายุหมุนเขตร้อนและคลื่นพายุซัดฝั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2553 ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีอากาศหนาวกว่าปีที่แล้ว และอุณหภูมิจะต่ำกว่าค่าปกติหรือค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีเล็กน้อย
ในช่วงต้นฤดูระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีฝนตกชุกในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้จะมีอากาศเย็นในบางวัน ส่วนมากตอนบนของภาค โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป
สำหรับการคาดหมายอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในเดือนธันวาคม 2553
ภาคเหนือ เช่น จ.เชียงราย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 11.1 องศา จ.เชียงใหม่ จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.2 องศา และ จ.พิษณุโลก จะมีอุณหภูมิ 11-13 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา ซึ่งการคาดหมายไม่รวมอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณยอดดอยและยอดภู
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.อุดรธานี จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 14.3 องศา จ.เลย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.6 องศา จ.อุบลราชธานี จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.3 องศา และ จ.นครราชสีมา จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา
ภาคกลาง เช่น จ.นครสวรรค์ จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 16.8 องศา จ.สุพรรณบุรี จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.0 องศา และ จ.กาญจนบุรี จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.6 องศา
ภาคตะวันออก เช่น จ.สระแก้ว จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.9 องศา และ จ.ชลบุรี จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 21.3 องศา
ภาคใต้ เช่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมีอุณหภูมิ 17-19 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.5 องศา และ จ.ภูเก็ต จะมีอุณหภูมิ 20-22 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 23.0 องศา
สำหรับกรุงเทพมหานคร ที่จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.0 องศา
"ฤดูหนาวในปีนี้จะมีความหนาวเย็นกว่าปกติ มีปัจจัยจากปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีปริมาณฝนและความชื้นสูง อีกทั้งยังมีความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย จึงทำให้ปีนี้อากาศหนาวมากขึ้นอย่างแน่นอน" นายสมชายกล่าว

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

จ่าเฉย รีเทิร์น เตรียมดึงช่วยงาน สร้างภาพลักษณ์


ตำรวจสอบสวนกลาง พลิกชีวิต จ่าเฉย เตรียมดึงช่วยงานอีกครั้ง ชี้ถูกเด้งเข้ากรุไม่เป็นธรรม ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาว

เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2553 พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า มีแนวคิดจะขอรูปปั้น "จ่าเฉย" มาปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากเห็นว่า "จ่าเฉย" ถูกเด้งเข้ากรุไม่เป็นธรรม ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาว หรือถูกร้องเรียนเรื่องการเก็บส่วย จึงอยากทำเรื่องขอกลับเข้าทำงานในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ส่วนจะนำ จ่าเฉย ไปใช้ในหน่วยงานใดบ้างนั้น ยังต้องปรึกษากันก่อน

สำหรับความเป็นมาของจ่าเฉยนั้น เกิดขึ้นจากการความร่วมมือของภาคเอกชนต่าง ๆ ที่เล็งเห็นความลำบากของตำรวจจราจร จึงสร้างหุ่นจำลองตำรวจจราจร รูปลักษณ์เหมือนคน ส่วนสูง 180 เซนติเมตร ในท่ายืนตรง มีใบหน้าเคร่งขรึม และทำการส่งมอบให้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.ดูแลงานด้านจราจร เป็นผู้ดำเนินการให้แต่ละ สน. นำไปตั้งประจำตามจุดต่าง ๆ

แต่หลังจากที่ จ่าเฉย ออกปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่นาน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ อดีต ผบช.น.ก็มีคำสั่งให้ทุก สน.เก็บ จ่าเฉย เข้ากรุ หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่า เมื่อมี จ่าเฉย ทำให้ตำรวจตัวจริงไม่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ส่วนการกลับมาของ จ่าเฉย ในครั้งนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ จากเดิมเป็นชุดตำรวจจราจร เปลี่ยนเป็นชุดตำรวจเข้าเวรใส่สายแดง ติดตราอาร์มของแต่ละ บก.ในสังกัด บช.ก. พร้อมทั้งปรับแต่งสีให้สดใส และหน้าตายิ้มแย้ม

เพลงเสียดาย^^

เพลงรอเธอโสด