ค่าเงินบาท แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 13 ปี ด้านโพลชี้ ค่าเงินบาทจะไม่ต่ำกว่า 30 บาท ต่อ ดอลล่าร์สหรัฐ
การแข็งตัวของค่าเงินบาทในวันศุกร์ที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 30.74 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งจัดว่าเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 13 ปี
ซึ่ง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ภายในสัปดาห์ที่ 13-17 ก.ย. นี้ เงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 30.60 - 30.90 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่หลุดกรอบ
ขณะที่ กรุงเทพโพล ของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ที่ทำงานในหน่วยการวิเคราะห์วิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ จำนวน 27 แห่ง ระหว่างวันที่ 6-10 ก.ย. พบว่า
67.1% เชื่อว่า ค่าเงินบาทจะไม่หลุดต่ำกว่า 30 บาท ต่อ ดอลลาร์สหรัฐเหตุผลของการแข็งค่าเงินบาท
31.3% เชื่อว่า เป็นผลมาจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และ ตลาดตราสารหนี้ 20.3% เชื่อว่า เกิดจากการส่งออกที่ขยายตัวสูง และ การเกินดุลการค้า 15.8% เชื่อว่า ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น หรือ ส่วนต่างดอกเบี้ยของไทยและกลุ่มประเทศชั้นนำดัชนีตลาดหลักทรัพย์
58.9% เชื่อว่า นักลงทุนจะได้เห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ระดับ 1,000 จุดภายในปีนี้ 43.8% เชื่อว่า เป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ 41.1% เชื่อว่า เป็นระดับที่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 250 บาท
64.4% สนับสนุนแนวคิดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะราคาสินค้าในปัจจุบันที่แพงขึ้นทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นข้อเสนอที่ต้องการให้เข้ามาดูแล
58.6% ดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทและเสถียรภาพของราคาสินค้า 22.7% ดูแลธนาคารพาณิชย์ให้เกื้อกูลต่อเศรษฐกิจและคนในประเทศ 9.4% ดูแลการเข้าถึงโอกาสทางการเงิน โดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า และ กลุ่ม SMEs
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น